วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันลอยกระทง

วันลอยกระทง


เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย

เนื้อหา


 ประวัติ

พลุเฉลิมฉลองในเทศกาลวันลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เดิมเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป[ต้องการอ้างอิง] แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3
ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี
ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"และ:"นายนพมาศ" อยากรู้ไปเฟซบุ้ค

ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น

                                                                           โคมลอยยี่เป็ง
นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่นยังอาจมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกันไป และสืบทอดต่อกันเรื่อยมา

 ความเชื่อเกี่ยวกับวันลอยกระทง

Loi krathong rafts.jpg
  • เป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่มนุษย์ได้ใช้น้ำ ได้ดื่มกินน้ำ รวมไปถึงการทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงในแม่น้ำ
  • เป็นการสักการะรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ประทับรอยพระบาทไว้หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
  • เป็นการลอยความทุกข์ ความโศกรวมถึงโรคภัยต่างๆ ให้ลอยไปกับแม่น้ำ
  • ชาวไทยในภาคเหนือมีความเชื่อว่า การลอยกระทงเป็นการบูชาพระอุปคุต ตามตำนานเล่าว่า พระอุปคุตทรงสามารถปราบพระยามารได้

อ้างอิง

 แหล่งข้อมูลอื่น

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติของอินเตอร์เน็ต

     ประวัติของอินเตอร์เน็ต
          
       อินเตอร์เน็ตกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ.1969 หรือประมาณปี พ.ศ. 2512 โดยพัฒนามาจาก อาร์พาเน็ต (ARPAnet) ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานโครงการวิจัยขั้นสูง (Advanced Research Projects Agency) หรือเรียกชื่อย่อว่า อาร์พา (ARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา (Department of Defense) จุดประสงค์ของโครงการอาร์พาเน็ต เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คงความสามารถในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ แม้ว่าจะมีบางส่วนของเครือข่ายไม่สามารถทำงานได้ก็ตาม



อาร์พาเน็ตในขั้นต้นเป็นเพียงเครือข่ายทดลองตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านการทหาร แต่โดยเนื้อแท้แล้วอาร์พาเป็นผลพวงมาจากความตึงเครียดทางการเมืองของโลก ในยุคสงครามเย็นระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย ต่อมาในปี 2512 ได้มีการปรับปรุงหน่วยงานอาร์พาและเรียกชื่อใหม่ว่า ดาร์พา (DARPA : Defense Research Project Agency ) และในปี 2518 ดาร์พาได้โอนหน้าที่ดูแลรับผิดชอบอาร์พาเน็ตโดยตรงให้แก่ หน่วยสื่อสารของกองทัพ (Defense Communications Agency) หรือ DCA เนื่องจากอาร์พาเน็ตได้แปรสภาพจากเครือข่ายที่ปฏิบัติงานได้อย่างแท้จริงแล้ว ในปี 2526 อาร์พาเน็ตแบ่งออกเป็น 2 เครือข่าย คือ เครือข่ายด้านการวิจัยใช้ชื่อ อาร์พาเน็ตเหมือนเดิม ส่วนเครือข่ายของกองทัพใช้ชื่อว่า "มิลเน็ต" (MILNET : MILitary NETwork) ซึ่งใช้การเชื่อมต่อโดยใช้โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol ) เป็นครั้งแรก ในปี 2528 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติอเมริกา (NSE) ได้ออกทุนการสร้างศูนย์ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ 6 แห่ง และใช้ชื่อว่า NFSNET พอมีถึงปี 2533 อาร์พาเน็ตรองรับเป็น backbone ไม่ไหวจึงยุติบทบาท และเปลี่ยนไปใช้ NFSNET และเครือข่ายอื่นแทน และได้มีการเชื่อมเครือข่ายต่างๆ ทำให้เครือข่ายมีขนาดใหญ่มากขึ้นจนเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนี้


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
   http://swat7928.blogspot.com/2007/09/blog-post_14.html



          



วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

การทำชั้นวางของตุ๊กตา

คว้าอุปกรณ์มาดังนี้
1 กล่องกระดาษ [ถ้ามีถาดใส่เบียร์เจ๋งเลย]
2 กระดาษห่อของขวัญเหลือๆ [ถ้าไม่มีลองหานิตยสารที่ไม่ได้ใช้ หาด้านในลายเท่ๆ]
3 ไม้บรรทัด
4 ดินสอ หรือปากกา หรืออะไรตามแต่สะดวก
5 กรรไกร
6 คัตเตอร์
7 กาว หรือเทปกาว

ผลออกมาเป็นไงไปดูกัน หรือว่าอารมณ์บูดกว่าเดิม -*-

1. กล่องใส่น้องส่งมาจากร้านค้า และกระดาษห่อของขวัญที่เก็บไว้นานมาก



2. ไหนเอารองเท้ามาวัดดูซิ ใหญ่ไปม้าง



3. งั้นมาทำให้พอดี จัดการวัดซะให้พอดี ไม่ใหญ่เกินไป ไม่เล็กเกินไป จากนั้นก็ทำการตัดซะ



4. เสร็จแล้วจะออกมาเหลือเท่านี้ [ถ้าเป็นพวกถาดน้ำอัดลม หรือเบียร์กระป๋องจะสบายมาก]
** ไม่ต้องทำใหญ่ขนาดนี้ก็ได้นะคะ ดูตามความเหมาะสม ถ้ามีน้อยก็หากล่องเล็ก
หรือจะใช้ถาดไก่ทอด KFC / McDonald ก็ได้ **




5. กลับไปหยิบเสษๆ เมืี่อกี๊มา ตัดกระดาษยาวๆ ให้ยาวกว่าแนวนอนของกล่อง แบบนี้



6. เอารองเท้ามาวัดอีกที จากนั้นเจาะรูของกล่อง ให้กระดาษยาวๆ อันเมื่อกี๊เสียบได้ ทั้งซ้ายและขวา



7. เจาะ 2 ข้างแบบนี้ จากนั้นก็เสียบเข้าไปแบบนี้



8. ถ้ากระดาษยาวไม่พอน่ะหรอ ไม่ต้องกังวล หากระดาษสวยๆ มาห่อ ให้ยาวกว่ากระดาษ



9. แค่นี้ก็เสียบได้แล้ว เสร็จแล้วก็เอามาเสียบแบบนี้
ให้ปลายกระดาษเลยออกมา เอาเทปกาวแปะ [ด้านข้างไม่สวย เราก็หากระดาษมาห่อทีหลังได้]



10. หากระดาษ หรืออะไรมาตกแต่งตามใจชอบ อยากได้กี่ชั้นก็ใส่เข้าไป สุดท้ายออกมาเป็นเยี่ยงนี้ค่ะ

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ความหมายของการประดิษฐ์

ความหมายงานประดิษฐ์


งานประดิษฐ์

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกความหมายงานประดิษฐ์

2.มีความรู้ความเข้าใจงานประดิษฐ์

***********

ความหมาย ของงานประดิษฐ์

งานประดิษฐ์หมายถึงประดิษฐ์ แปลว่า คิดทำขึ้น

งานประดิษฐ์ จึงหมายถึง การนำเอาวัสดุต่างๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อประโยชน์ใช้สอยด้านต่างๆ เช่น เป็นของเล่น ของใช้ หรือเพื่อความสวยงาม

ประโยชน์ของงานประดิษฐ์

1. ประหยัดค่าใช้จ่าย หากสามารถประดิษฐ์ชิ้นงานตามความต้องการได้

2. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และได้สร้างงานที่มีคุณภาพ

3. ความเพลิดเพลิน ทำให้จิตใจจดจ่อต่อชิ้นงานที่ทำและมีสมาธิที่ดีต่อการทำงาน สามารถลดความเครียดได้

4. เพิ่มคุณค่าของวัสดุ เช่น เศษวัสดุ วัสดุท้องถิ่นและอื่น ๆ ทำให้มีมูลค่าและประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น

5. สร้างความแปลกใหม่จากที่มีอยู่เดิม ทำให้ไม่ซ้ำแบบเดิม มีการปรับปรุงและดัดแปลงให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

6. ชิ้นงานตรงตามความต้องการ เพราะเป็นผู้ผลิตด้วยตนเองและสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกวิธีและถูกต้อง

7. เป็นของกำนัลแก่ผู้อื่น ทำให้เห็นคุณค่าทางจิตใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

8. อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น มาลัย กระทงใบตอง แกะสลักผักและผลไม้ เครื่องแขวนและอื่นๆ เป็นต้น

9. เพิ่มรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นและตอบสนองความต้องการของชีวิตได้มากขึ้น

10. เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ที่ประดิษฐ์ชิ้นงานได้อย่างมีคุณภาพ สวยงาม เป็นที่ ชื่นชอบและสนใจแก่ผู้พบเห็น

 
 

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การประดิษฐ์โคมไฟสไตร์จีน






 





                                                                   โคมไฟ สไตร์จีน


วัสดุที่ต้องใช้

1 กระดาษลูกฟูกขนาด 35*26 ซม. สีน้ำตาล หรือสีอื่นก็ได้ ซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป


2 สีสเปรย์สีทอง มีขายตามร้านขายเครื่องมือก่อสร้าง โฮมโปร โฮมเวิรค์


3 ไม้เสียบลูกชิ้นแบบยาว หาซื้อได้ตามร้านขายของชำในตลาดสดหรือตามห้างฯ


4 กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า สำหรับรองกันเปื้อนเวลาพ่นสี


เครื่องไม้เครื่องมือ


1 บรรทัดเหล็ก ถ้าไม่มีก็ใช้ไม้บรรทัดธรรมดากว้างประมาณ 3 ซม.


2 ปากกาหรือดิยสอ


3 มีดคัตเตอร์คมๆ


4 แผ่นรองตัด


วิธีทำ


ตีเส้นเป็นบรรทัดๆ ตามความกว้างชองไม้บรรทัด ตีเส้นยาวตลอดความกว้างของกระดาษลูกฟูก (ด้านเรียบ)


ใช้มีดคมๆกรีดตัดตามรอยเส้นที่ตีไว้ โดยกรีดช่องเว้นช่อง จากนั้นเลื่อนบรรทัดลงมากรีดแบบเดียวกัน ทำแบบนี้ซ้ำตลอดทั้งหน้ากระดาษ


กรีดแบบเดียวกัน แต่ทำในช่องที่ยังไม่ได้กรีด โดยกรีดระหว่างรอยตัด 2 รอย ทำไปเรื่อยๆจนหมดหน้ากระดาษ ทำเสร็จแล้วจะเห็นรอยคล้ายแนวก่ออิฐ (อิฐมอญที่ช่างปูนก่อขึ้นเพื่อสร้างกำแพงบ้าน)


นำกระดาษมารองพื้นกันเปื้อนแล้วพ่นสีทอง พ่นด้านเรียบด้านเดียวนะครับ


คราวนี้คว่ำกระดาษให้ด้านลูกฟูกอยู่บน นำไม้เสียบมาเสียบตามรูที่กรีดช่องไว้ ที่ขอบกระดาษให้ไม้ยื่นออกมาประมาณ 1 นิ้วเพื่อเป็นขาตั้ง


ตัดขอบกระดาษออกประมาณ ครึ่งนิ้วเพื่อไม่ให้ยาวเกินไป


จับขอบกระดาษทั้งสองข้างมาประกบกัน นำไม้เสียบมาร้อยรูกระดาษทั้งสองชั้นที่ซ้อนกันอยู่เพื่อให้ติดกัน จัดให้ดูเรียบร้อย

การประดิจโคมไฟจีน / โคมไฟ สไตร์จีน


วัสดุที่ต้องใช้

1 กระดาษลูกฟูกขนาด 35*26 ซม. สีน้ำตาล หรือสีอื่นก็ได้ ซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป


2 สีสเปรย์สีทอง มีขายตามร้านขายเครื่องมือก่อสร้าง โฮมโปร โฮมเวิรค์


3 ไม้เสียบลูกชิ้นแบบยาว หาซื้อได้ตามร้านขายของชำในตลาดสดหรือตามห้างฯ


4 กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า สำหรับรองกันเปื้อนเวลาพ่นสี


เครื่องไม้เครื่องมือ


1 บรรทัดเหล็ก ถ้าไม่มีก็ใช้ไม้บรรทัดธรรมดากว้างประมาณ 3 ซม.

2 ปากกาหรือดิยสอ


3 มีดคัตเตอร์คมๆ


4 แผ่นรองตัด

วิธีทำ


ตีเส้นเป็นบรรทัดๆ ตามความกว้างชองไม้บรรทัด ตีเส้นยาวตลอดความกว้างของกระดาษลูกฟูก (ด้านเรียบ)


ใช้มีดคมๆกรีดตัดตามรอยเส้นที่ตีไว้ โดยกรีดช่องเว้นช่อง จากนั้นเลื่อนบรรทัดลงมากรีดแบบเดียวกัน ทำแบบนี้ซ้ำตลอดทั้งหน้ากระดาษ


กรีดแบบเดียวกัน แต่ทำในช่องที่ยังไม่ได้กรีด โดยกรีดระหว่างรอยตัด 2 รอย ทำไปเรื่อยๆจนหมดหน้ากระดาษ ทำเสร็จแล้วจะเห็นรอยคล้ายแนวก่ออิฐ (อิฐมอญที่ช่างปูนก่อขึ้นเพื่อสร้างกำแพงบ้าน)


นำกระดาษมารองพื้นกันเปื้อนแล้วพ่นสีทอง พ่นด้านเรียบด้านเดียวนะครับ

คราวนี้คว่ำกระดาษให้ด้านลูกฟูกอยู่บน นำไม้เสียบมาเสียบตามรูที่กรีดช่องไว้ ที่ขอบกระดาษให้ไม้ยื่นออกมาประมาณ 1 นิ้วเพื่อเป็นขาตั้ง


ตัดขอบกระดาษออกประมาณ ครึ่งนิ้วเพื่อไม่ให้ยาวเกินไป


จับขอบกระดาษทั้งสองข้างมาประกบกัน นำไม้เสียบมาร้อยรูกระดาษทั้งสองชั้นที่ซ้อนกันอยู่เพื่อให้ติดกัน จัดให้ดูเรียบร้อย





วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สุนัขน่ารัก

สุนัข 

 หรือ หมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Canidae ออกลูกเป็นตัว ลำตัวมีขนปกคลุม มีเขี้ยว 2 คู่ เท้าหน้ามี 5 นิ้ว เท้าหลังมี 4 นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ อวัยวะเพศของตัวผู้มีกระดูกอยู่ภายใน 1 ชิ้น ที่ยังคงเป็นสัตว์ป่า เช่น หมาใน (Cuon alpinus) ที่เลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน คือ ชนิด Canis lupus familiaris สุนัขเป็นสัตว์ที่มีหลายพันธุ์ เช่น ลาบราดอร์, โกลเด้น, ชิวาวา และอีกมากมาย มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ดุและไม่ดุ พันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น โกลเด้น ลาบราดอร์ ที่มีขนาดเล็ก เช่น ชิวาวา ชิสุ ส่วนที่ดุ ได้แก่ ร็อดไวเลอร์ อัลเซเชียน สุนัขแต่ละพันธุ์จะมีนิสัยแตกต่างกัน



สุนัขพัฒนามาจากสัตว์กินเนื้อและล่าเหยื่อ ดังนั้นวิวัฒนาการของฟันสำหรับเคี้ยวเนื้อและกระดูกจึงยังคงมีอยู่ รวมทั้งการมีประสาทดมกลิ่นและตามล่าเหยื่อที่ดีมาก นอกจากนี้สุนัขยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทำให้วิ่งได้เร็วและเร่งความเร็วได้เท่าที่ต้องการ ลักษณะการเดินของสุนัขจะทิ้งน้ำหนักตัวบนนิ้วเท้า ซึ่งส่งผลให้สุนัขเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าสัตว์ชนิดอื่น นอกจากนี้สุนัขยังมีสัญชาตญาณในการทำงานเป็นกลุ่ม ดังนั้นสุนัขจึงสามารถล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ[1]

รูปสุนัข


 
 






เพิ่มคำอธิบายภาพ

อยากฝากกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัข วิธีป้องกันที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้โรคนี้มาสู่สุนัขของเราได้ คือ ก่อนที่จะนำสุนัขมาผสมพันธุ์กันควรจะมีการตรวจโรคนี้เสียก่อนทั้งตัวผู้และ ตัวเมียกรณีต่อมา คือ ถ้ากังวลว่าสุนัขจะเป็นโรคนี้หรือไม่สามารถนำสุนัขมาตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตรฯ หากสุนัขเกิดเป็นโรค ไม่ต้องกลัว วิตก และที่สำคัญไม่อยากให้ใช้วิธีให้คนอื่นต่อหรือขายต่อหรือนำไปปล่อย สามารถมาปรึกษาหมอได้ จะได้ควบคุมการแพร่กระจายของโรค เพราะมิฉะนั้นเมื่อโรคมีการแพร่กระจายบางครั้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โรคนี้ก็อาจจะย้อนกลับมาหาเราได้




คงไม่มีใครอยากให้โรคนี้เกิดขึ้นกับสุนัขที่เราเลี้ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยอมรับและอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ…อย่าทิ้งกัน… เพราะสุนัขเองก็คงไม่รู้ว่ามันทำผิดอะไร?



ในส่วนของโรคติดต่อสู่คนอื่นๆ อย่างโรคไข้กระต่าย หากดูสภาพของภูมิประเทศแล้วไม่น่าจะมีในเมืองไทย กระต่ายในบ้านเราที่เลี้ยงกันอยู่นั้นเป็นอีกสายพันธุ์ เพราะเชื้อโรคนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในสัตว์ป่า อาทิ กระต่าย สัตว์ฟันแทะ อย่างกระ รอก ที่อยู่ในป่า ส่วนใหญ่จะพบในแถบยุโรปและอเมริกา โดยพาหะ คือ สัตว์ที่ดูดเลือด เช่น เห็บ หมัด โดยผู้ที่มีโอกาสติดโรคนี้ คือ นายพราน ผู้ที่ชอบล่าสัตว์ หรือคนที่เข้าไปเที่ยวในป่า จะโดนสัตว์ดูดเลือดกัดทำให้ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย



ผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ ส่วนใหญ่จะไม่เสียชีวิต สามารถรักษาได้ อาการเหมือนกับมีไข้ เกิดบาดแผลบริเวณที่ถูกกัด ต่อมน้ำเหลืองจะบวม ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ถ้ามีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แสดงว่ามีการติดเชื้ออย่างรุนแรง เกิดอาการปอดบวม แต่เมื่อเริ่มเป็นไข้ กินยาปฏิชีวนะก็มักหายเป็นปกติ



ส่วนโรคหวัดแมวหรือหัดแมวนั้นไม่ติดคน โดยมีวัคซีนป้องกันโรคในแมว บางครั้งบางบ้านเลี้ยงแมวไม่ได้พาแมวไปฉีดวัคซีน โดยที่หวัดและหัดแมวจะเป็นวัคซีนที่อยู่ในเข็มเดียวกัน ถ้ามีการฉีดวัคซีนป้องกันก็จะไม่เป็นโรค ที่มีปัญหาคือ ไม่มีการฉีดวัคซีน เมื่อตัวหนึ่งเป็นโรคนี้เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปสู่แมวตัวอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว